ลดปัญหาหลังปูกระเบื้องด้วยข้อแนะนำการปูกระเบื้องที่คุณควรรู้

          หลังจากที่ทุกคนได้กระเบื้องที่สวยงามถูกใจแล้ว การปูกระเบื้องเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ทุกคนต้องดูให้ดี เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้นในขั้นตอนนี้จะทำให้เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ยาก อาจจะต้องแก้ไขด้วยการรื้อกระเบื้องและปูใหม่ ทำให้เป็นปัญหาใหญ่กว่าเดิม วันนี้เราเลยมีข้อแนะนำการปูกระเบื้องที่ทุกคนควรรู้มาฝากกันจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูได้เลยในบทความนี้

1. ตรวจสอบข้อมูลข้างกล่อง

          เมื่อได้รับกระเบื้องแล้ว สิ่งแรกที่ควรทำ คือการตรวจสอบสินค้าเบื้องต้นด้วยการดูข้อมูล ชนิด ประเภท รหัสสินค้า ขนาด และเฉดสี ที่ข้างกล่องว่าตรงตามที่สั่งซื้อหรือไม่ก่อนนำไปใช้งาน และถ่ายรูปข้างกล่องเพื่อเก็บข้อมูลเอาไว้ในกรณีที่ต้องการสั่งซื้อเพิ่มเติม

2. การจัดเก็บกระเบื้องก่อนทำการปูกระเบื้อง

          หลังจากตรวจสอบกระเบื้องเรียบร้อยแล้ว หากยังไม่ทำการปูกระเบื้องทันที ควรจัดเก็บกระเบื้องตามวิธีการดังนี้
          • จัดเก็บกระเบื้องในบริเวณที่แห้งสนิท ไม่มีความชื้น หรืออยู่ใกล้สารเคมี
          • ควรจัดหาและวางแผนพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการจัดเก็บตลอดระยะเวลาที่ทำการก่อสร้าง เพื่อลดการขนย้ายกระเบื้องที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายตามมา
          • เมื่อนำกระเบื้องออกจากกล่องแล้ว ห้ามจัดเก็บกระเบื้องด้วยการวางซ้อนกันโดยเอาหน้ากระเบื้องประกบกับหลังกระเบื้องของอีกแผ่น เพราะสามารถทำให้ผิวกระเบื้องถลอกหรือเสียหายได้

3. การเตรียมพร้อมก่อนติดตั้ง และข้อควรระวัง

           การเตรียมพร้อมก่อนติดตั้งกระเบื้องก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ช่วยลดปัญหาหลังกระเบื้องได้ดี หากทำอย่างถูกวิธีดังนี้
          • ตรวจสอบกระเบื้องแต่ละแผ่นให้มั่นใจว่าไม่มีโพรงที่ใต้กระเบื้อง
          • ในกรณีที่ใช้กระเบื้องที่มีเฉดสีที่แตกต่างกัน (V2, V3, V4 ขึ้นไป) กระเบื้องทุกแผ่นมาคัดแยกและเรียงเฉดสีก่อนนำมาติดตั้งเพื่อลดปัญหาเฉดสีที่แตกต่างกันมากเกินไป
          • ทดลองติดกระเบื้องบนพื้นที่ประมาณ 10 ตารางเมตร และทิ้งไว้ 1 วัน เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจว่าไม่พบปัญหาหลังติดกระเบื้อง เช่น กระเบื้องโก่ง หรือสีเพี้ยน
          • หากพบปัญหาของกระเบื้อง เช่น เฉดสีแตกต่างกัน ขนาดไม่เท่ากัน อย่าลืมถ่ายรูปสินค้าจริง พร้อมรายละเอียดข้างกล่องพร้อมส่งข้อมูล และติดต่อพนักงานขายโดยเร็วที่สุด
          • เตรียมพื้นผิวที่ต้องการปูกระเบื้องให้สะอาดเรียบ แห้ง ปราศจากฝุ่น น้ำมัน และคราบสกปรกต่างๆ สำหรับพื้นที่ที่มีพื้นผิวไม่เรียบสม่ำเสมอ ต้องทำการปรับระดับให้ได้แนวที่ต้องการก่อนทำการปูกระเบื้อง
          • ทำการหาจุดศูนย์กลางของพื้นหรือผนังที่ต้องการปูกระเบื้อง เพื่อทำการวางแผนและลดจำนวนการตัดกระเบื้อง
          • ไม่ควรขีดเขียนหรือทำสัญลักษณ์บนผิวหน้ากระเบื้อง เพราะอาจทำให้เกิดรอยและลบออกได้ยาก

4. การปูกระเบื้อง

          หลังจากจัดเตรียมพื้นที่และกระเบื้องเรียบร้อยแล้ว อุปกรณ์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นตัวช่วยให้สามารถปูกระเบื้องออกมาได้ราบรื่นและสวยงามไม่มีปัญหาในภายหลัง ดังนั้นก่อนปูกระเบื้องทุกครั้งควรจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นดังนี้

อุปกรณ์ที่การปูกระเบื้องจำเป็นสำหรับการปูกระเบื้อง

ตัวช่วยกั้นร่องกระเบื้อง (Tile Spacer)

          อุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณสามารถเว้นระยะระหว่างกระเบื้องแต่ละแผน 2-3 ซม. เท่ากัน เพิ่มความสวยงามให้กับการปูกระเบื้อง

ตัวปรับระดับกระเบื้อง (Tile Leveling)

          อุปกรณ์ที่ช่วยให้ปูกระเบื้องอยูในระดับเดียวกัน ช่วยป้องกันปัญหาที่น่าปวดหัว เช่น กระเบื้องไม่ได้ระดับ กระเบื้องโก่ง พื้นไม่เรียบ เป็นต้น

เครื่องมือขูดร่องยาแนว

          เมื่อยาแนวเกิดการเสื่อมสภาพ “เครื่องมือขูดร่องยาแนว” เป็นอีกหนึงอุปกรณ์จำเป็นเอาไว้สำหรับขูดร่องยาแนวออกไปได้ มี 3 แบบ ได้แก่ แบบปลายมีด, เกรียง และไขควง

เกรียงหวีสำหรับปูกระเบื้อง

          อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการปูกระเบื้อง ใช้ในการตักและปาดกาวซีเมนต์ สำหรับปูกระเบื้องเซรามิก หินอ่อน และหินสังเคราะห์ มีหลายขนาดใช้เลือกในแบบที่เหมาะสมแก่การใช้งาน

เครื่องตัดกระเบื้อง

          การปูกระเบื้องแต่แต่ละครั้ง มีความจำเป็นต้องตัดกระเบื้องเพื่อให้เหมาะสมกับห้องหรือพื้นที่และเข้ามุมได้อย่างสวยงาม “เครื่องตัดกระเบื้อง” จึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปูกระเบื้องทุกครั้ง

          หลังจากเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว “การปูกระเบื้อง” ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก็มาถึง โดยควรทำตามข้อแนะนำดังนี้

          • ปาดเนื้อปูนทราย หรือกาวซีเมนต์ลงบนด้านหลังของแผ่นกระเบื้องให้ทั่วและสม่ำเสมอ การปูโดยการใช้กาวซีเมนต์ ควรปล่อยให้พื้นผิวที่ปูกระเบื้องแห้งอย่างน้อย 1 วัน ก่อนทำการลงยาแนว ถ้าปูกระเบื้องด้วยปูนทราย ควรปล่อยให้แห้งอย่างน้อย 4 วัน ก่อนทำการลงยาแนว โดยเราแนะนำให้ปูแห้งด้วยการใช้กาวซีเมนต์และเกรียงหวีในการติดตั้ง มากกว่าการปูเปียกด้วยการใช้ปูนทรายเป็นวัสดุยึดเกาะ เพราะปูนทรายมีโอกาสยุบตัวและทำให้ผิวหน้าของกระเบื้องไม่เท่ากัน มีโอกาสหลุดล่อนได้ง่าย
          • ปูกระเบื้องตามแนวลูกศรหรือลัญลักษณ์ด้านหลังของกระเบื้อง ให้ปูกระเบื้องตามแนวลูกศรนั้น เพื่อลดปัญหา และควรปูกระเบื้องตามรูปแบบ 1:1 และ 1:3 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหากระเบื้องโก่ง

          • ใช้ค้อนยางเคาะแผ่นกระเบื้องเพื่อให้สัมผัสกับกาวซีเมนต์ได้อย่างทั่วถึง
          • ปรับระดับของกระเบื้องให้เสมอด้วยตัวปรับระดับกระเบื้อง (Tile Leveling) เพื่อช่วยในการปรับระดับผิวหน้าให้เสมอกัน
          • สำหรับกระเบื้องเซรามิก และกระเบื้องพอร์ซเลนทุกประเภท ควรปูเว้นร่องยาแนวอย่างน้อย 2-3 มม. โดยใช้ตัวช่วยกั้นร่องกระเบื้อง (Tile Spacer) เป็นตัวช่วยให้กระเบื้องมีการเว้นร่องที่เท่ากัน
          • หากต้องการลงยาแนว ให้ดึงตัวกั้นร่องกระเบื้องออกก่อน จากนั้นค่อยทำการปาดยาแนวตามแนวเฉียงกับร่องกระเบื้อง และควรเช็ดคราบยาแนวส่วนเกินออกจากผิวกระเบื้องหลังจากที่ลงยาแนว โดยรอประมาณ 5 นาที หรือตามข้อแนะนำของยาแนวที่ใช้ จากนั้นทำความสะอาดด้วยฟองน้ำหมาดๆ เปลี่ยนน้ำและฟองน้ำที่ใช้เป็นประจำเพื่อความสะอาดของผิวกระเบื้อง ควรเช็ดให้สะอาดไม่หลงเหลือคราบยาแนวไว้ เพราะเมื่อคราบยาแนวแห้งสนิทแล้ว จะทำความสะอาดออกได้ยาก โดยเฉพาะกระเบื้องที่มีสีเข้ม และกระเบื้องผิวสัมผัสหยาบ

การดูแลรักษากระเบื้องหลังติดตั้ง

           เมื่อติดตั้งกระเบื้องเสร็จเรียบร้อยแล้วให้ทำความสะอาดทันที เพื่อล้างคราบกาวซีเมนต์ และยาแนวที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดายด้วยน้ำสะอาด และน้ำยาทำความสะอาดที่เป็นกลาง (PH7) หากยังหลงเหลือคราบยาแนวอยู่สามารถใช้น้ำยาสำหรับทำความสะอาดยาแนวร่วมด้วยได้

          หากทุกคนทำตามคำแนะนำเหล่านี้ ก็จะช่วยลดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการปูกระเบื้องได้มากเลยทีเดียว